Last updated: 8 มิ.ย. 2567 | 103 จำนวนผู้เข้าชม |
ลอรีอัล กรุ๊ป (L’Oréal Groupe) เผยโฉมนวัตกรรมล้ำสมัย ภายใต้คอนเซปต์ "ความงามเฉพาะบุคคล เสริมพลังด้วยบิวตี้เทค" (Beauty for Each, Powered by Beauty Tech) ที่งานวีว่า เทคโนโลยี (Viva Technology) ในกรุงปารีส เพื่อตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นในการนำเสนอความงามที่ตอบโจทย์แต่ละบุคคล
คำนึงถึงความหลากหลาย และใส่ใจต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นโซลูชันวิเคราะห์สภาพผิวและเส้นผมที่ทันสมัย ผู้ช่วยด้านความงามส่วนบุคคลจากพลังเจนเอไอ (GenAI) ห้องแล็บคอนเทนต์ความงามพลังเจนเอไอ (GenAI Beauty Content Lab) อย่าง CREAITECH เพื่อเพิ่มพลังความคิดสร้างสรรค์ เครื่องเป่าผมระดับปฏิวัติวงการที่ใช้เทคโนโลยีแสงอินฟราเรด อุปกรณ์ผลัดเปลี่ยนผิวระดับไมโครสำหรับการดูแลผิวขั้นสูง และแพลตฟอร์มเทคโนโลยีจำลองผิวมนุษย์ที่สมจริงที่สุดสำหรับการวิจัยและการทดสอบทางวิทยาศาสตร์
บาร์บารา ลาแวร์โนส รองซีอีโอฝ่ายวิจัย นวัตกรรม และเทคโนโลยีของลอรีอัล กรุ๊ป เล่าว่า ในปัจจุบันการก้าวขึ้นเป็นผู้นำในวงการความงามนั้น คุณต้องเป็นผู้นำด้านบิวตี้เทคก่อน ในฐานะที่เราเป็นผู้บุกเบิกด้านบิวตี้เทคมาหลายปี เราเชื่อมั่นว่าเทคโนโลยีจะช่วยขยายขีดจำกัดและพลิกโฉมความงาม เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนทั่วโลก ด้วยระบบวิเคราะห์ที่ทันสมัย บริการด้านความงามที่ได้ผนวกเทคโนโลยีเพื่อยกระดับประสบการณ์ของลูกค้า
ผู้ช่วยพลังเจนเอไอ (GenAI) ความคิดสร้างสรรค์ที่ยกระดับไปอีกขั้นในยุคเจนเอไอ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อันก้าวล้ำ ที่จะเข้ามากำหนดและขับเคลื่อนธุรกิจความงามแห่งอนาคตให้ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะบุคคล คำนึงถึงความหลากหลาย และใส่ใจต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น
ในงานวีว่าเทคนอกเหนือจากการนำเสนอนวัตกรรมที่ก้าวล้ำแล้ว เรายังได้เปิดตัวเทคโนโลยีด้านผิวหนังโดยลอรีอัล (Skin Technology by L’Oreal) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการพิมพ์ชีวภาพเพื่อสร้างผิวหนังจำลองที่เลียนแบบผิวมนุษย์จริงได้ใกล้เคียงยิ่งขึ้น นับเป็นการเปิดโอกาสและความเป็นไปได้ใหม่ๆ ให้แก่นักวิจัยในวงการเครื่องสำอางและสุขภาพ
ด้วยการผสมผสานกันอย่างลงตัวระหว่างองค์ความรู้ด้านชีววิทยา กลศาสตร์และอิเล็กทรอนิกส์ Skin Technology โดยลอรีอัลสามารถเลียนแบบผิวมนุษย์ที่มีความแตกต่างและหลากหลายได้อย่างสมจริงยิ่งขึ้น รวมถึงสภาวะผิวหนังเช่น ผื่นภูมิแพ้ผิวหนังและสิว รวมถึงความสามารถในการเปลี่ยนสีผิวเป็นผิวแทนและการฟื้นตัวจากการบาดเจ็บ
ปัจจุบันลอรีอัลกำลังทำงานร่วมกับสตาร์ตอัพและสถาบันที่มีชื่อเสียงทั่วโลกในการพัฒนาเทคโนโลยีดังกล่าวเพิ่มเติม เพื่อให้ผิวหนังจำลองสามารถรับความรู้สึกได้จริง Skin Technology นี้จะเข้ามายกระดับมาตรฐานการทดสอบผลิตภัณฑ์ และส่งเสริมความงามที่ปราศจากการทดลองกับสัตว์ ซึ่งเป็นพันธสัญญาที่ลอรีอัลยึดมั่นมาตั้งแต่ปีพ.ศ.2532
ในงานนี้ ลอรีอัล กรุ๊ป ยังได้เปิดตัวห้องแล็บคอนเทนต์ความงามพลังเจนเอไออย่าง CREAITECH ซึ่งเป็นห้องปฏิบัติการสุดล้ำพร้อมเครื่องมือต่าง ๆ เพื่อพลิกโฉมการผลิตคอนเทนต์สำหรับลอรีอัล กรุ๊ป โดย CREAITECH เป็นพื้นที่ที่ปลอดภัยสำหรับการทดลองใช้เจนเอไอ และเปิดโอกาสให้ลอรีอัลขยายขอบเขตการสร้างสรรค์คอนเทนต์ที่สอดรับกับแบรนด์และท้องถิ่น ครอบคลุมแบรนด์ด้านความงามทั้ง 37 แบรนด์ของบริษัท
ในขณะเดียวกันก็เป็นโอกาสให้นักการตลาดของเราได้เพิ่มทักษะด้านเทคโนโลยีสร้างสรรค์ใหม่ๆ และลอรีอัล กรุ๊ป ยังประกาศความร่วมมือกับเมตา (Meta) และคอนเทนต์ครีเอเตอร์ชั้นนำ เพื่อขยายขอบเขตแห่งความคิดสร้างสรรค์ร่วมกัน
อัสมิตา ดูเบย์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายดิจิทัลและการตลาดของลอรีอัล กรุ๊ป เล่าว่า ความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์ช่วยยกระดับให้เทคโนโลยีน่าทึ่งที่สุด ด้วยการส่งมอบเครื่องมืออันทรงพลังให้ผู้คนถ่ายทอดตัวตนและเอกลักษณ์ของแบรนด์ออกมาได้อย่างเต็มที่ ห้องแล็บคอนเทนต์ความงามพลังเจนเอไอของเราอย่าง CREAITECH คือบทพิสูจน์ที่แสดงให้เห็นถึงผลลัพธ์จากการผสานศักยภาพมนุษย์เข้ากับเทคโนโลยีเจนเอไอที่ก่อให้เกิดความคิดสร้างสรรค์
เราใช้ Brand Custom Model ที่พัฒนาขึ้นมาเอง เพื่อฝึกเจนเอไอให้จดจำรหัสภาพเฉพาะของแบรนด์ และเปิดตัวแคมเปญด้านความงามใหม่ๆ ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น แต่สิ่งที่สำคัญคือ เราทำสิ่งเหล่านี้ได้โดยไม่ขัดกับหลักจริยธรรมด้านการใช้งานเอไออย่างรับผิดชอบ ซึ่งรวมถึงการหลีกเลี่ยงการใช้ภาพใบหน้า ร่างกาย ผม และผิวหนังที่ดูเหมือนจริงแต่สร้างขึ้นด้วยเอไอ เพื่อโปรโมทหรือระบุถึงประโยชน์ของผลิตภัณฑ์ในการสื่อสารกับบุคคลภายนอก
ในขณะเดียวกันเรายังผนึกกำลังกับเมตาในการเปิดตัวโครงการ New Codes of Beauty Creator Program เพื่อส่งเสริมศักยภาพของเหล่าครีเอเตอร์ในการใช้เทคโนโลยี 3D, AR และเอไอ เพื่อเปิดพรมแดนใหม่แห่งความงาม แบรนด์ต่างๆ ของเราอย่างลอรีอัล ปารีส (L'Oréal Paris) ลังโคม (Lancôme) และลา โรช-โพเซย์ (La Roche-Posay) กำลังร่วมกันบุกเบิกแนวคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ นี้ ด้วยการทำงานร่วมกับทีมครีเอเตอร์ที่เชี่ยวชาญในการใช้เครื่องมือและเทคโนโลยีสุดล้ำจำนวน 30 คน โดยมีเป้าหมายเพื่อปลดปล่อยพลังสร้างสรรค์ด้านเทคโนโลยี
คีลส์ เดอร์มา-รีดเดอร์ (Kiehl’s Derma-Reader) คือเครื่องตรวจสภาพผิวที่ใช้ประเมินสภาพผิวของลูกค้าด้วยเทคโนโลยีการถ่ายภาพทางคลินิก เครื่องตรวจสภาพผิวนี้สามารถวัดคุณลักษณะของผิวได้มากกว่า 11 รายการ ทั้งบนผิวและใต้ผิว เพื่อแนะนำส่วนผสมที่เหมาะสมและเคล็ดลับไลฟ์สไตล์ นอกเหนือไปจากกิจวัตรการดูแลผิวอย่างตรงจุด เพื่อเติมเต็มกิจวัตรการดูแลผิวประจำวันของลูกค้าให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น
ลังโคม รีเนอร์จี นาโน-รีเซอร์เฟซเซอร์ | 400 บูสเตอร์ (Lancôme RENERGIE NANO-RESURFACER| 400 BOOSTER) คืออุปกรณ์เสริมความงามที่ถูกพัฒนาขึ้นเป็นพิเศษ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการซึมซาบของเครื่องสำอางเข้าสู่เซลล์ผิวชั้นนอกสุดหรือชั้นผิวหนังกำพร้าและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของผลิตภัณฑ์ อุปกรณ์นี้ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีนาโนชิปล้ำสมัยที่ได้รับการจดสิทธิบัตรแล้ว ประกอบด้วยปลายหัวนาโนที่มีความแม่นยำสูงมากกว่า 400 หัว เพื่อมอบผลลัพธ์ที่ผ่านการทดสอบทางคลินิกสำหรับการใช้งานที่บ้าน
ลอรีอัล ปารีส บิวตี้ จีเนียส (L’Oréal Paris Beauty Genius) คือผู้ช่วยความงามส่วนบุคคลแบบครบวงจรที่ใช้เทคโนโลยีเอไอเชิงรู้สร้าง พร้อมให้บริการวิเคราะห์และให้คำแนะนำเฉพาะบุคคล เพื่อให้ผู้บริโภคได้เรียนรู้ทุกสิ่งเกี่ยวกับความงามอย่างง่ายดายและสะดวกสบาย
ลอรีอัล โปรเฟสชั่นแนล แอร์ไลท์ โปร (L’Oréal Professionnel AirLight Pro) คือเครื่องเป่าผมระดับปฏิวัติวงการ เพื่อเส้นผมและสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้น โดยสร้างสรรค์ขึ้นทั้งสำหรับมืออาชีพด้านความงามและผู้บริโภคที่ใช้งานในบ้าน แอร์ไลท์ โปร ผสานแสงอินฟราเรดเข้ากับลมความเร็วสูงเพื่อทำให้ผมแห้งอย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยให้เส้นผมมีคุณภาพดีขึ้น ส่งผลให้เส้นผมเรียบลื่นและเป็นประกายเงางาม
ลอรีอัล โปรเฟสชั่นแนล มาย แฮร์ [ไอดี] แฮร์ รีดเดอร์ (L’Oréal Professionnel My Hair [iD] Hair Reader) คือเครื่องวิเคราะห์สีผมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ โดยใช้แสงที่มีความแม่นยำสูงในการวิเคราะห์สุขภาพของเส้นผมและตรวจวัดสีผม รวมถึงสีธรรมชาติและสีย้อมผม เปอร์เซ็นต์ของผมหงอก เส้นผ่านศูนย์กลางของเส้นใยผม และความหนาของผม เพื่อมอบสีผมที่เหมาะสมกับลูกค้าในทุกๆ ครั้งที่ทำสีผม
บิวตี้เทคสำหรับอุตสาหกรรม
สกิน เทคโนโลยี โดยลอรีอัล (Skin Technology by L’Oréal) นับเป็นเวลากว่า 40 ปีแล้วที่ลอรีอัลเป็นผู้นำด้านการพัฒนาเนื้อเยื่อสังเคราะห์ (reconstructed human skin) ด้วยโมเดลทดสอบที่ล้ำสมัยสำหรับการวิจัยทางชีววิทยาและผิวหนัง โดยผสานรวมองค์ความรู้ชั้นนำจากหลากหลายสาขา ทั้งชีววิทยา กลศาสตร์ และอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อพัฒนาแบบจำลองการทดสอบที่ครอบคลุมและเลียนแบบความซับซ้อนของผิวหนังมนุษย์ได้อย่างแม่นยำ โดยมีเป้าหมายในการยกระดับมาตรฐานการทดสอบในอุตสาหกรรมความงาม ในขณะเดียวกันก็ช่วยให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในวงการสุขภาพ บริษัทสตาร์ตอัป ไปจนถึงสถาบันวิจัยต่างๆ ได้ประโยชน์จากความรู้ความชำนาญนี้อย่างเต็มที่
ลอรีอัล ครีเอไอเทค เจนเอไอ บิวตี้ คอนเทนต์ แล็บ (L’Oréal CREAITECH GenAI Beauty Content Lab) ตลอดระยะเวลา 8 เดือนที่ผ่านมา ครีเอไอเทค เจนเอไอ บิวตี้ คอนเทนต์ แล็บได้ใช้เอนจินของอินวิเดีย (Nvidia) กับดับเบิลยูพีพี (WPP) เช่นเดียวกับโมเดลภาษาขนาดใหญ่ ดิฟฟิวชันโมเดล และพันธมิตรรายต่างๆ ในฐานะที่เป็นพื้นที่ที่มีความปลอดภัยสำหรับการทดสอบ ลอรีอัล กรุ๊ป ได้ทดสอบเทคโนโลยีเอไอเชิงรู้สร้างมากกว่า 20 เทคโนโลยี
รวมถึงจัดการประชุมเชิงปฏิบัติการหลายสิบครั้งร่วมกับแบรนด์ต่างๆ ในเครือ เพื่อสร้างภาพความงามมากกว่า 1,000 ภาพ นอกจากนี้ CREAITECH ยังบุกเบิกการพัฒนาโมเดลแบบคัสตอมของแบรนด์ (Brand Custom Models) รวมถึงการฝึกด้วยการป้อนโค้ดสำคัญจากแบรนด์ต่างๆ ในเครือลอรีอัล เพื่อสร้างคอนเทนต์ที่สอดรับกับแบรนด์ โดยลา โรช-โพเซย์ (La Roche-Posay) และเคเรสตาส (Kérastase) เป็นผู้บุกเบิกกลุ่มแรก ด้วยการใช้บริการที่ได้รับการปรับแต่งนี้ในกระบวนการสร้างสรรค์คอนเทนต์ของแบรนด์
เศรษฐกิจครีเอเตอร์คือแนวทางใหม่ในโลกแห่งความงาม (New Codes of Beauty: Creator Economy) ลอรีอัล กรุ๊ป และเมตา ได้เปิดตัวโครงการ "New Codes of Beauty Creator Program" เพื่อส่งเสริมศักยภาพของเหล่าครีเอเตอร์ในการใช้เทคโนโลยี 3D, AR และเอไอ เพื่อเปิดพรมแดนใหม่แห่งความงาม โดยแบรนด์ชั้นนำอย่างลอรีอัล ปารีส, ลังโคม และลา โรช-โพเซย์ ได้ร่วมกันบุกเบิกแนวคิดสร้างสรรค์ใหม่ ๆ นี้ ผ่านการทำงานร่วมกับทีมครีเอเตอร์ที่เชี่ยวชาญในการใช้เครื่องมือและเทคโนโลยีสุดล้ำ 30 คน เป้าหมายของความร่วมมือนี้คือ การปลดปล่อยพลังแห่งการสร้างสรรค์ด้านเทคโนโลยี เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจแบบครีเอเตอร์ที่กำลังเติบโต
ลอรีอัล เป็นผู้ลงโฆษณารายใหญ่อันดับ 4 ของโลก และมีความมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำ รวมทั้งเปิดโอกาสให้ภาคอุตสาหกรรมวัดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เกิดจากกิจกรรมทางดิจิทัลของบริษัท และเพื่อสำรวจหาแนวทางในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยนำเสนอความร่วมมือ 3 ด้านที่จะช่วยให้บรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืนทางดิจิทัลแบบ 360 องศา
IMPACT+ บริษัทสตาร์ตอัปด้านเทคโนโลยีความยั่งยืนจากฝรั่งเศส ที่เปิดโอกาสให้สามารถวัดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากสื่อดิจิทัลของเรา
ADGREEN พันธมิตรเทคโนโลยีเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ช่วยให้สามารถวัดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ขั้นพื้นฐานจากการถ่ายทำคอนเทนต์ของเรา
และ FRUGGR บริษัทสตาร์ตอัปฝรั่งเศสที่ช่วยใหสามารถวัดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของเว็บไซต์ของเรา
10 ก.ย. 2567